โครงสร้างสระว่ายน้ำ
โครงสร้างสระว่ายน้ำ
เราสามารถแบ่งตามวิธีก่อสร้างได้เป็น 2 ประเภท คือ
สระว่ายน้ำคอนกรีต
ใช้โครงสร้างพื้น และ ผนังสระ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทั้งหมด
ข้อดีของโครงสร้างชนิดนี้ คือ มีความแข็งแรงทนทาน และ สามารถออกแบบสระว่ายน้ำได้หลายรูปทรง
สระว่ายน้ำสำเร็จรูป
เป็นสระว่ายน้ำที่ผลิตจากวัสดุประเภทพอลิเมอร์สำเร็จมาจากโรงงาน แล้วนำมาติดตั้งบนโครงสร้างรองรับสระซึ่งเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กในพื้นที่ที่เราเตรียมไว้
สระว่ายน้ำสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่งคือ สระที่ทำจากโครงสร้างเหล็กหรือพลาสติกหล่อคุณภาพดี แล้วปูผ้าไวนิลที่ผลิตขึ้นมาสำหรับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ โดยใช้แรงดันน้ำเป็นตัวบังคับให้ผ้าไวนิลติดแนบกับโครงสร้างพื้นและผนังที่เตรียมไว้ สำหรับสระว่ายน้ำสำเร็จรูปนั้นอาจมีข้อจำกัดเรื่องรูปทรงที่ไม่หลากหลายนัก เพราะผลิตตามแบบมาตรฐานของโรงงาน แต่จะมีราคาถูกและสร้างได้รวดเร็วกว่าสระว่ายน้ำโครงสร้างคอนกรีต อีกทั้งสระสำเร็จรูปที่ผลิตจากไวนิลจะต้องมีการเปลี่ยนผ้าไวนิลทุกๆ 10 ปี
Trips
– โดยเฉลี่ยแล้วราคาค่าก่อสร้างสระว่ายน้ำสำเร็จรูปจะมีราคาถูกกว่าสระว่ายน้ำคอนกรีตประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพหน้างาน และความยากง่ายในการเข้าถึงพื้นที่ก่อสร้างสระว่ายน้ำด้วย สำหรับสระว่ายน้ำคอนกรีตที่มีความลึกประมาณ 1.2 เมตร ปูผิวกระเบื้องโมเสก ราคาค่าก่อสร้างจะประมาณ 20,000 -25,000 บาทต่อตารางเมตร
ระบบสระว่ายน้ำ
ปัจจุบันระบบสระว่ายน้ำที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
ระบบ Skimmer และ ระบบ Over Flow ( ระบบน้ำล้น)
ทั้ง 2 ระบบนี้มีการทำงานต่างกันตรงที่ระบบ Over Flow ( ระบบน้ำล้น) จะนำน้ำไปบำบัด โดยการให้น้ำในสระล้นออกมายังรางน้ำล้นข้างสระ แล้วนำน้ำที่ล้นออกมาไปพักไว้ที่ถังพักน้ำ ( Surge Tank) ก่อนจะปั๊มน้ำไปผ่านเครื่องกรองน้ำในห้องเครื่อง ทำให้ผิวสระว่ายน้ำที่ใช้ระบบนี้ดูตึงสวย เพราะอยู่ระดับเดียวกับพื้นรอบสระ แต่ก็จะสามารถมองเห็นรางน้ำล้นที่ดูคล้ายกับท่อระบายน้ำรอบสระด้วย
ในขณะที่ระบบ Skimmer นั้นจะนำน้ำไปบำบัด โดยผ่านช่องด้านข้างของผนังสระ ทำให้ผิวน้ำอยู่ในระดับต่ำกว่าพื้นรอบสระประมาณ 4-10 เซนติเมตร ระบบนี้ไม่ต้องมีถังพักน้ำ ( Surge Tank) ทำให้เราประหยัดน้ำ และราคาค่าก่อสร้างของระบบ Skimmer ก็ถูกกว่าระบบ Over Flow นอกจากนี้ในปัจจุบันระบบ Skimmer ยังได้รับการพัฒนาให้สะดวกในการใช้งานมากขึ้น โดยมีรูปแบบเป็นเครื่องกรองสำเร็จรูป ไม่ต้องเดินท่อ เพียงแค่มีสระและติดเครื่องไว้ที่ขอบสระ ก็ทำงานได้เลย ซึ่งระบบนี้จะเหมาะกับสระที่มีขนาดเล็กหรือประมาณไม่เกิน 12 x 6 เมตร ราคาเครื่องอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกว่าบาท ซึ่งหากสระมีขนาดเล็กมากก็อาจเพิ่มออปชั่นระบบว่ายทวนกระแสเข้าไปด้วยก็ได้ โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับระบบนี้เพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งแสนบาท
Trips
– ห้องเครื่องสำหรับเก็บปั๊มและเครื่องกรองน้ำควรมีขนาดไม่น้อยกว่า 2 x 3 เมตร สูง 2.50 เมตร และห่างจากสระว่ายน้ำไม่เกิน 15 เมตร
ระบบบำบัดน้ำ
ปัจจุบันระบบบำบัดน้ำในสระที่นิยมใช้มีอยู่ 3 ระบบ คือ
ระบบคลอรีน
เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีราคาถูก และนิยมใช้กันมากที่สุด อยู่ในรูปของเหลว เม็ด และผงคลอรีน วิธีใช้คือค่อยๆละลายลงในสระว่ายน้ำ แต่จะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ เมื่อค่า pH ในน้ำอยู่ระหว่าง 7.2 – 7.8 หากค่า pH สูงหรือน้ำในสระมีค่าความเป็นด่างมากก็จะต้องเติมกรดลงไปก่อน และถ้าน้ำในสระมีค่า pH ต่ำหรือมีค่าความเป็นกรดสูง ก็จะต้องเติมสารที่เป็นด่างจำพวก Buffer หรือ Soda ash เพื่อปรับค่า pH ในน้ำก่อน ซึ่งสารคลอรีนนั้นอาจมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหนังได้ ดังนั้นการละลายคลอรีนจึงควรทำในช่วงเย็นหลังจากที่ใช้สระเสร็จแล้ว และจะต้องเปิดเครื่องกรองทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงด้วย สำหรับสระว่ายน้ำขนาด 4 x 8 เมตร ค่าดูแลรักษาด้วยคลอรีนประมาณ 3,000 – 4,000 บาทต่อเดือน ( ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานสระว่ายน้ำ และสภาพอากาศ)
ระบบน้ำเกลือ
เป็นระบบที่ฆ่าเชื้อโรคด้วยเกลือ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหนังอีกด้วย แต่มีราคาค่าติดตั้งค่อนข้างสูง และมีความเป็นด่างทำให้น้ำในสระมีรสกร่อยเล็กน้อย สระว่ายน้ำขนาด 4 x 8 เมตร ราคาค่าติดตั้งระบบบำบัดน้ำเกลือประมาณ 40,000 – 50,000 บาท และเสียค่าดูแลรักษาหลังจากนั้นประมาณ 400 – 600 บาทต่อเดือน
ระบบโอโซน
เป็นระบบที่ฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ด้วยการผลิตก๊าซโอโซนจากเครื่องอัดอากาศมาบำบัดน้ำในสระโดยตรง เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะไม่มีสารตกค้างในน้ำ แต่ระบบนี้จะมีระยะเวลาในการฆ่าเชื้อโรคสั้นกว่าระบบอื่น และมีราคาค่าติดตั้งสูง สระว่ายน้ำขนาด 4 x 8 เมตร ราคาค่าติดตั้งระบบบำบัดแบบโอโซนประมาณ 150,000 – 200,000 บาท
รูปทรงของสระว่ายน้ำ
รูปทรงของสระว่ายน้ำแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ รูปทรงเรขาคณิต และรูปทรงอิสระ การเลือกรูปทรงสระว่ายน้ำนั้นไม่มีข้อกำหนดหรือกฎหมายบังคับ ขึ้นอยู่ความชอบส่วนบุคคล คอนเซ็ปต์ของผู้ออกแบบ และ ความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ รูปทรงของสระว่ายน้ำที่ดีควรจะดูกลมกลืนและช่วยเสริมสไตล์บ้านให้ดูโดดเด่นมากขึ้น เช่น สระว่ายน้ำรูปทรงเรียบๆที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย สงบ เท่ ก็จะเหมาะกับบ้านสไตล์มินิมัลหรือบ้านสไตล์โมเดิร์น ส่วนสระรูปทรงอิสระก็จะเหมาะกับบ้านที่ต้องการความรู้สึกผ่อนคลายหรือไม่เป็นทางการมากนัก อย่างเช่น บ้านสไตล์ทรอปิคัล บ้านสไตล์เรโทรยุค 1950-1960 แต่อย่างไรก็ดีเราไม่ควรออกแบบให้รูปทรงสระมีซอกมุมมากหรือพิสดารจนเกินไป เพราะอาจทำให้มีปัญหาเรื่องการปูกระเบื้องพื้นและผนังของสระว่ายน้ำ และการทำความสะอาดได้ครับ
การเลือกตำแหน่งของสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำนั้นนอกจากจะใช้เพื่อการออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บ้าน ดังนั้นตำแหน่งของสระว่ายน้ำจึงควรอยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นได้จากห้องที่เราใช้งานเป็นประจำ เช่น ห้องพักผ่อน ห้องนั่งเล่น หรือห้องอ่านหนังสือ และไม่ควรหันด้านสั้นของสระไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก เพราะแสงจากดวงอาทิตย์อาจส่องรบกวนขณะที่เรากำลังว่ายน้ำได้ อีกทั้งสระว่ายน้ำที่อยู่ใกล้กับบ้านมากๆ ควรออกแบบให้อยู่ในด้านทิศเหนือหรือตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้ร่มเงาของตัวอาคารช่วยป้องกันไม่ให้แสงแดดสะท้อนผิวน้ำเข้าไปรบกวนภายในบ้านได้
การปูผิวสระว่ายน้ำ
กระเบื้องที่นิยมใช้ปิดผิวสระว่ายน้ำมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ กระเบื้องโมเสกสีต่างๆ เพราะเป็นกระเบื้องที่มีขนาดเล็ก ละเอียด และสามารถเลือกไล่โทนสีของกระเบื้องได้หลากหลาย แต่กระเบื้องชนิดนี้ก็มีข้อเสียตรงที่มีรอยยาแนวมาก ซึ่งรอยต่อเหล่านี้อาจเป็นจุดสะสมคราบสกปรกได้ง่ายด้วยเช่นกัน
นอกจากกระเบื้องชนิดต่างๆแล้ว การทำผิวสระว่ายน้ำเป็นผิวคอนกรีตขัดมันผสมสีก็ดูจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมทำกันมาก โดยเฉพาะสระว่ายน้ำในโรงแรม และรีสอร์ตที่สร้างใหม่หลายๆแห่ง เพราะพื้นลักษณะนี้จะทำสระว่ายน้ำดูมีความต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกันทั้งสระ อีกทั้งเราสามารถเลือกสีสันได้ตามความต้องการ ข้อเสียของพื้นคอนกรีตขัดมันผสมสีก็คือ น้ำมีโอกาสการรั่วซึมได้มากกว่าพื้นสระที่ปูกระเบื้อง
Trips
– สีกระเบื้องที่ช่วยให้สระว่ายน้ำดูเป็นธรรมชาติได้แก่ สีฟ้า สีเทอร์คอยส์ หรือสีเขียวแบบสีน้ำทะเล ส่วนกระเบื้องสีเข้มอย่าง สีดำ สีน้ำเงินเข้ม จะทำให้เรารู้สึกว่าสระว่ายน้ำดูลึกและมีมิติมากกว่า อีกทั้งยังเป็นสีที่สามารถทำให้ผิวน้ำในสระสะท้อนเงาของตัวบ้านได้ชัดเจนด้วย
การสร้างร่มเงาให้สระว่ายน้ำ
การสร้างร่มเงาให้สระว่ายน้ำ เพื่อให้เราสามารถว่ายน้ำเล่นได้อย่างเย็นใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแสงยูวีจากแสงแดดเป็นอีกข้อหนึ่งที่เราควรจะคำนึงถึงในการออกแบบสระว่ายน้ำด้วย สำหรับการสร้างร่มเงาให้สระว่ายน้ำนั้นเราสามารถทำได้หลายวิธีครับ เช่น การออกแบบให้ตัวบ้านช่วยบังแดดให้สระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีและประหยัดมากที่สุด การปลูกต้นไม้สร้างร่มเงา ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยบังแดดให้สระแล้ว ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศความเป็นธรรมชาติให้กับสระว่ายน้ำด้วย แต่ต้นไม้ที่เลือกมาปลูกนั้นไม่ควรใช้ต้นไม้ชนิดผลัดใบหรือออกผล เพราะอาจทำให้พื้นรอบๆและน้ำในสระสกปรกได้ง่าย อีกทั้งควรจะเป็นต้นไม้ที่มีระบบรากไม่ชอนไชและแผ่วงกว้างด้วย เพื่อไม่ให้รากไปทำลายโครงสร้างของสระว่ายน้ำเสียหายทำหลังคาให้สระว่ายน้ำ อาจเป็นโครงหลังคาที่สามารถกันแดดกันฝนแบบถาวรเลย หรืออาจทำแค่สลิงผ้าใบบังแดดที่สามารถเลื่อนเก็บได้ ทั้งนี้โครงสร้างหลังคาควรจะส่งเสริมและดูกลมกลืนกับสไตล์ของบ้านด้วย
Pic CR : http://www.brandage.com/article/9803/COTTO